นอกจาก
โรคโควิด-19 ที่ทางกระทรวงสาธารณสุข ขอให้คนไทยการ์ดอย่าตก
ป้องกันโควิดระบาดรอบสอง โดยต้อง ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม กินร้อน ช้อนกลางส่วนตัว ล้างมือ แล้ว
ช่วงนี้อากาศร้อนจัด พร้อมกับมีพายุฤดูร้อน ยังมีโรคอันตรายที่มากับหน้าร้อน ทั้งโรคติดต่อ
และโรคไม่ติดต่อ ที่เราต้องเฝ้าระวังหลายโรค โดยเฉพาะโรคติดต่อทางเดินอาหารและน้ำ
เนื่องจากอากาศที่ร้อน ทำให้การเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียเหมาะแก่การขยายพันธุ์
เพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดของโรคติดต่อดังกล่าว
รวมทั้งอาหารยังบูดเสียได้ง่าย เราจึงต้องเพิ่มความระมัดระวังในการดูแลสุขภาพมากขึ้น
และรักษาความสะอาด โดยเน้นในเรื่องความสะอาดของอาหารและน้ำอุปโภคบริโภค
รับประทานอาหารร้อนที่ปรุงสุกใหม่ๆ สำหรับโรคไม่ติดต่ออันตรายในหน้าร้อนทีสำคัญ
คือ โรคลมแดด (Heat Stoke)
โรคอันตรายหน้าร้อนที่สำคัญ มีดังต่อไปนี้
1. โรคอาหารเป็นพิษ (Food Poisoning) เกิดจากการรับประทานอาหาร
หรือน้ำที่มีการปนเปื้อนของสารพิษที่ผลิตจากเชื้อโรคเข้าไป สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ทั่วไป
สารพิษดังกล่าวมักพบในอาหารที่ปรุงสุกๆ ดิบๆ รวมทั้งอาหารกระป๋อง อาหารทะเล และน้ำนม
ที่ยังไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อ อาหารที่ทําไว้ล่วงหน้านานๆ และไม่ได้รับการอุ่นร้อนก่อนรับประทาน
อาการที่สําคัญของโรคอาหารเป็นพิษ ได้แก่ มีไข้ คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง อ่อนเพลีย
และอาจมีถ่ายเหลวร่วมด้วย โรคอาหารเป็นพิษ อาจเกิดขึ้นกันพร้อมกันได้หลายคน
โดยการกินอาหารปนเปื้อนชนิดเดียวกัน
2. โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน (Acute Diarrhea) เกิดจากการรับประทานอาหาร
หรือ ดื่มน้ำที่มีเชื้อโรคปนเปื้อน เช่น แบคทีเรีย ไวรัส โปรโตซัว และหนอนพยาธิ
อาการสําคัญ คือ ถ่ายอุจจาระเหลวมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน
ถ่ายเป็นน้ำจํานวนมาก หรือถ่ายอุจจาระมีมูกปนเลือดผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วง อาจมีไข้หรืออาเจียนร่วมด้วย
หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันท่วงที
ร่างกายจะสูญเสียน้ำและเกลือแร่ จนอาจทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะช็อก หมดสติ และเสียชีวิตได้
3. โรคบิด (Dysentery) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรืออะบีมา โดยผ่านการรับประทานอาหาร
ผักดิบ หรือน้ำดื่ม ที่มีเชื้อบิดปนเปื้อนเข้าไป อาการที่สําคัญ คือ มีไข้ปวดท้องแบบปวดเบ่ง
ถ่ายอุจจาระบ่อย อุจจาระมีมูก หรือมูกปนเลือด โดยทั่วไปแบ่งเป็น
2 ชนิด ได้แก่ Shigellosis หรือบิดไม่มีตัว และ Amebiasis
หรือบิดมีตัว
4. โรคอหิวาตกโรค (Cholera) เกิดจากการรับประทานอาหาร
หรือดื่มน้ําที่มีเชื้อแบคทีเรีย Vibrio cholerae ปนเปื้อน เช่น อาหารที่มีแมลงวันตอม อาหารสุกๆดิบๆ เชื้อโรคจะสร้างพิษออกมาทำปฎิกิริยากับเยื่อบุผนังลำไส้เล็ก
อาการที่สําคัญ คือ ถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำซาวข้าว คราวละมาก ๆ
โดยไม่มีอาการปวดท้อง ผู้ป่วยจะอาเจียน กระหายน้ำ กระสับกระส่าย อ่อนเพลีย
ตาลึกโหล ปัสสาวะน้อย หากเสียน้ำมาก ผู้ป่วยอาจหมดสติและเสียชีวิตได้
5. โรคไข้ไทฟอยด์หรือ โรคไข้รากสาดน้อย (Typhoid) เกิดจากการรับประทานอาหาร เช่น ผลิตภัณฑ์จากนม หอย ไข่
เนื้อสัตว์ และน้ำที่ปนเปื้อน เชื้อแบคทีเรีย
Salmonella typhi จากอุจจาระหรือปัสสาวะของผู้ป่วย หรือผู้ที่เป็นพาหะโรคไทฟอยด์
อาการที่สําคัญ คือ มีไข้ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามร่างกาย
เบื่ออาหาร ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการท้องผูกหรือท้องเสียได้ผู้ป่วยและผู้ที่เป็นพาหะโรค ไข้ไทฟอยด์ควรหลีกเลี่ยงการประกอบอาหารให้ผู้อื่นรับประทาน
เนื่องจากอาจทําให้เกิดการระบาดของโรคไข้ไทฟอยด์ได้
6. โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) เกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี
แต่มักระบาดในช่วงหน้าร้อน มีสุนัข และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ
เป็นพาหะหลักที่นำเชื้อไวรัสมาสู่
โดยสัตว์ที่มีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้ากัด ข่วน หรือเลียผิวหนังคนบริเวณที่มีแผล เมื่อคนได้รับเชื้อแล้ว
จะมีอาการปรากฏภายใน 15 – 60 วัน
บางรายอาจน้อยกว่า 10 วันหรือนานเป็นปี ผู้ป่วยที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า
จะเสียชีวิตทุกราย แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
รวมถึงนำสุนัขไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเป็นประจำทุกปี
7. โรคลมแดด (Heat Stroke) เป็นโรคที่มักเกิดขี้นในหน้าร้อน
เกิดจากการที่ร่างกายได้รับความร้อนมากเกินไป จนทำให้ความร้อนในร่างกายสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส เบื้องต้นอาจแสดงอาการตะคริวแดด
(Heat Cramps) หรือมีอาการเพลียแดด (Heat exhaustion)
เมื่อยล้า อ่อนเพลีย หน้ามืด ปวดศีรษะ เป็นลม หากไม่ได้รับการดูแลอย่างทันท่วงทีอาจทําให้หมดสติและ
เสียชีวิตได้ หลักการปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่สำคัญที่สุด
คือ การลดระดับความร้อนของร่างกายให้เร็วที่สุดก่อนนำส่งโรงพยาบาล
ส่วนวิธีป้องกันโรคลมแดด คือ ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-
8 แก้ว ใส่เสื้อผ้าสีอ่อน ผ้าโปร่งสบาย ระบายอากาศได้ดี หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดด
จะเห็นได้ว่า มาตรการในการป้องกันโรคโควิด-19
โดยเฉพาะ กินร้อน ช้อนกลางส่วนตัว ล้างมือบ่อยๆ การรักษาความสะอาด และสุขอนามัยของตนเองอย่างสม่ำเสมอ
และพยายามอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก จะสามารถป้องกัน
และลดความเสี่ยงต่อโรคอันตรายหน้าร้อนได้ในเวลาเดียวกัน
บความนี้ดีมีประโยชน์เข้าใจง่ายสั้นกะทัดรัด ชัดเจนให้ความรู้และแนวปฎิบัติในชีวิตประจำวันช่วงหน้าร้อนนี้คะ ขอบคุณคะ
ตอบลบขอบคุณมากค่ะ สนใจเรื่องไหนบอกมาได้นะคะ
ตอบลบ