ในยุคโควิด-19
คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินคำว่า ชุด PPE ซึ่งเราทราบว่าเป็นชุดที่แพทย์ พยาบาล นักเทคนิคการแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์
ใช้ในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เมื่อสัมผัสคนไข้
หรือสิ่งส่งตรวจ ผู้เขียนได้ยินคำว่า PPE ใช้กันอย่างกว้างขวางในยุคนี้
ทำให้คิดถึงข้อสอบที่ออกให้ผู้เข้ารับการอบรมความปลอดภัยทางห้องปฏิบัติการตอบกัน ในฐานะอาจารย์
ว่า PPE ย่อมาจากอะไร ประกอบด้วยอะไรบ้าง แต่ปัจจุบัน
ทุกคนคุ้นหูกับ คำว่า PPE และที่สำคัญ PPE
ในยุคโควิด-19 เป็นความต้องการทั่วโลก ผู้เขียนจะขออธิบายให้รู้จักชุด PPE มากยิ่งขึ้น ดังนี้
PPE คืออะไร? มีความสำคัญอย่างไร?
PPE ย่อมาจาก
Personal Protective Equipment หรือ อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล
หมายถึง อุปกรณ์สาหรับผู้ปฏิบัติงานในการสวมใส่ขณะทำงานเพื่อป้องกันอันตราย
หรือ การติดเชื้อ เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้ปฏิบัติงาน
ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงสูง และมีโอกาสที่จะแพร่กระจายเชื้อได้ ดังนั้น วัตถุประสงค์ของการใช้
PPE คือ
ป้องกันการสัมผัสกับวัสดุติดเชื้อเข้าสู่ร่างกาย และป้องกันการแพร่กระจายการปนเปื้อน
การเลือก PPE
การเลือก PPE ต้องมีการประเมินความเสี่ยงก่อนเริ่มปฏิบัติงาน
เพื่อให้เลือก PPE ได้อย่างเหมาะสม และถูกต้อง
โดยการคำนึงถึง 1. ชนิดของสิ่งที่สัมผัส การเข้าสู่ร่างกาย เช่น
เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 ติดต่อทางเดินหายใจ 2. ระยะเวลาในการปฎิบัติงาน เหมาะสมกับ PPE
หรือไม่ 3. การออกแบบเพื่อความปลอดภัยกับผู้สวมใส่
ไม่ขัดขวางการทำงาน นั่นคือ เลือก PPE ให้เหมาะสมกับงาน ความทนทาน กิจกรรมที่ปฏิบัติ
ลักษณะของการสัมผัส ขนาดพอเหมาะกับผู้สวมใส่
ที่สำคัญ PPE ต้องมีคุณภาพตามมาตรฐานสากล เช่น American National Standards
Institute (ANSI) หรือ National Institute for Occupational
Safety and Health (NIOSH) ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานของ Occupational
Safety and Health Administration (OSHA) เป็นต้น
PPE ประกอบด้วยอะไรบ้าง?
PPE ที่บุคลากรทางการแพทย์สวมใส่ ประกอบด้วย
1.
เสื้อผ้าป้องกัน (Lab coat) ช่วยป้องกันผิวหนังและเสื้อผ้า
ที่สำคัญต้องระมัดระวังในการถอดเสื้อผ้าป้องกัน เพื่อลดการฟุ้งกระจายของเชื้อโรค
2.
ถุงมือ (Gloves) ใช้เพื่อป้องกันมือเมื่อต้องสัมผัสเลือด สารคัดหลั่ง หรือสิ่งส่งตรวจของผู้ป่วย
ควรเปลี่ยนถุงมือทุกครั้งเมื่อมีการปนเปื้อน หรือเมื่อจำเป็น
3.
แว่นตานิรภัย/ แผ่นบังหน้า (Safety
glasses/ Face shield) เป็นอุปกรณ์ป้องกันตาและใบหน้า
ใช้ป้องกันการกระเด็นของเลือด สารคัดหลั่ง หรือสิ่งส่งตรวจของผู้ป่วย สำหรับแผ่นบังหน้าควรสวมทับแว่นตานิรภัยหรือแว่นสายตา
4.
อุปกรณ์ป้องกันศรีษะ (Head protection)
เช่น หมวก (Caps/Hoods) เป็นอุปกรณ์ป้องกันศรีษะและเส้นผม
จากการปนเปื้อนของเชื้อโรค หรือเส้นผมปลิวพันกัน
5.
อุปกรณ์ป้องกันระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ 1. หน้ากากกรองอนุภาค เป็นหน้ากากที่ใช้ป้องกันอนุภาคหรือสารชีวภาพ
เช่น หน้ากากกรองอนุภาคชนิด N95 (ซึ่งมีแผ่นกรองอากาศที่สามารถกรองอนุภาคที่มีขนาดใหญ่กว่า 0.3
ไมครอนได้ถึง 95%) การสวมหน้ากากกรองอนุภาค
ต้องทำการทดสอบว่าหน้ากากรั่วหรือไม่ โดยการเป่าลมหายใจออกและสูดลมหายใจเข้า
เพื่อให้มั่นใจว่าหน้ากากไม่รั่ว 2.
อุปกรณ์ป้องกันระบบทางเดินหายใจแบบหน้ากากส่งผ่านอากาศ
(Powered air purifying respirator, PAPR) ใช้ในกรณีที่งานมีความเสี่ยงสูง
6.
อุปกรณ์ป้องกันเท้า ได้แก่ ถุงหุ้มรองเท้า
(Shoes cover) ใช้เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกเข้าไปในห้องผู้ป่วย
หรือห้องปฏิบัติการ หรือนำสิ่งสกปรกหรือเชื้อโรคออกนอกห้อง
นอกจากนี้ การสวมใส่ PPE และการถอด PPE จะมีขั้นตอนต่างๆ ซึ่งมีความสำคัญที่อาจเป็นความเสี่ยงของการแพร่เชื้อโรคได้เช่นกัน ดังนั้นบุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องจะต้องได้รับการฝึก
เพื่อความปลอดภัยและการควบคุมการแพร่ติดต่อของเชื้อโรค จะเห็นได้ว่า PPE เป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญกับบุคลากรทางการแพทย์ ในการปฏิบัติงาน เพื่อให้ภารกิจสำเร็จอย่างปลอดภัย
โดยเฉพาะยุคโควิด-19 ที่มีการระบาดโรคโควิด-19 ทั่วโลก ฉะนั้นไม่เพียงแต่การเลือกใช้ชนิดของ
PPE ให้เหมาะสม และถูกต้องแล้ว การฝึกอบรมเตรียมความพร้อมในการใช้
PPE ควรทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เนื่องจาก โรคติดเชื้ออุบัติใหม่ต่างๆ
ก็มาเยือนโลกเราอย่างสม่ำเสมอเช่นกัน
ขอบคุณที่สรุปความรู้ให้ฟังนะคะ 😊
ตอบลบขอบคุณมากค่ะ สามารถกดติดตามบทความต่อๆไปได้นะคะที่ เวอร์ชั่นเว็ย ค่ะ
ตอบลบ