ในยุคโควิด-19 คงปฏิเสธไม่ได้ว่า
เราไม่รู้จัก Social Distancing หรือ
การเว้นระยะห่างทางสังคม คำนี้ต้องใช้ให้ถูกต้อง ซึ่งต่างจาก Social Distance ที่หมายถึง
การวัดความห่างหรือความแตกต่างระหว่างกลุ่มต่างๆในสังคม
เช่น ชนชั้น, ภาษา,
เชื้อชาติ และ เพศ ซึ่งมักจะไม่เท่าเทียมกัน หรือแตกต่างกัน แต่ Social Distancing คือ การลดการสัมผัสใกล้ชิดระหว่างตนเองและผู้อื่น
เพื่อลดการแพร่กระจายของโรคติดต่อ ปัจจุบันในยุคโควิด-19
Social Distancing นี้ถือเป็น หนึ่งใน New Normal หรือวิถีใหม่ ซึ่งใช้กันทั่วโลกด้วย
มาตรการ
Social Distancing มีประสิทธิภาพมากที่สุดเมื่อการติดเชื้อนั้นสามารถแพร่ผ่านการสัมผัสฝอยละออง
(การไอหรือการจาม), การติดต่อทางเพศสัมพันธ์, การสัมผัสทางกายภาพทางอ้อม
(เช่น การสัมผัสวัตถุที่ปนเปื้อนเชื้อโรค) หรือโรคติดต่อทางเดินหายใจ แต่อาจมีประสิทธิภาพน้อยลงในกรณีที่เป็นการติดเชื้อทางเดินอาหาร
หรือ โรคติดต่อนำโดยแมลงหรือยุงเป็นพาหะ
แนวทาง Social Distancing มีอะไรบ้าง?
ตัวอย่างของ Social Distancing คือ
1. ยืน นั่ง
ห่างกัน 1.5 – 2 เมตร
2. งดรวมตัวกันในสถานที่ศึกษา
ที่ทำงาน หรือสถานบันเทิงต่างๆ
3. รับประทานอาหารที่เป็นชุดสำหรับคนเดียว
หลีกเลี่ยงการร่วมสำรับกับผู้อื่น
4. เปลี่ยนระบบทำธุรกิจ
โดยใช้ทางออนไลน์ และติดต่อทางโทรศัพท์เป็นหลัก หรือปรับเวลามาทำงานให้ยืดหยุ่น
5. หันมาเรียนออนไลน์แทนการเรียนในชั้นเรียน
และหลีกเลี่ยงการจัดประชุมใหญ่ที่มีการรวมคนจำนวนมาก
6. จองให้จองหนังสือออนไลน์ในห้องสมุด
หรืออ่านแบบอิเคทรอนิกส์
7. ลดความหนาแน่นในลิฟท์
เน้นการเดินขึ้นลงบันได
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย
มาตรการผ่อนปรนจากภาครัฐจะให้
หลายธุรกิจกลับมาดำเนินงานได้
แต่ต้องระวัง โดยเฉพาะ มาตรการ Social Distancing ที่มาปรับใช้ให้เหมาะสม
เพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 ในระลอก 2 ต่อไป
ประวัติการใช้มาตรการ Social Distancing ที่ได้ผล
มาตรการ
Social Distancing การเว้นระยะห่างทางสังคม
ใช้ได้ผลมาแล้วในการรับมือไข้หวัดใหญ่สเปน ที่เมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี่ ประเทศสหรัฐอเมริกา
เมื่อมีการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่สเปน (Spanish Influenza) ไปทั่วโลก ในปี ค.ศ. 1918 (พ.ศ.
2461) ครั้งนั้น ไข้หวัดใหญ่สเปน คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกไปกว่า
50 ล้านคน โดยในประเทศสหรัฐอเมริกา พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สเปนในเมืองฟิลาเดลเฟีย
รัฐเพนซิลวาเนีย รายแรก เมื่อวันที่ 17 กันยายน แต่ทางการเพิกเฉยต่อคำเตือนของการระบาด
ทำให้เชื้อที่ระบาดอยู่ในกลุ่มทหารที่เพิ่งกลับมาจากยุโรป
แพร่ไปยังผู้คนที่ออกมาร่วมฉลองพาเหรดสงครามโลกครั้งที่ 1 กว่า 2 หมื่นคน เพียง 3
วันหลังจากนั้น ทุกเตียงในโรงพยาบาลกว่า 31 แห่งเต็มไปด้วยผู้ป่วยที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สเปน
และในปลายสัปดาห์เดียวกันมีผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดมากถึง 4,500
ราย ในทางกลับกัน มาตรการ Social Distancing ได้นำมาใช้ในเมืองเซนต์หลุยส์
รัฐมิสซูรี่ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยนายแพทย์ Max C. Starkloff ในวันที่ 3 ตุลาคม หลังจากผู้ติดเชื้อรายแรกในเมืองฟิลาเดลเฟีย มากกว่า
2 สัปดาห์ ซึ่งตรงข้ามกับ เมืองฟิลาเดลเฟีย โดยเมืองเซนต์หลุยส์ที่พบผู้ติดเชื้อรายแรกเมื่อวันที่
5 ตุลาคม ใช้เวลาเพียง 2 วัน ในการนำมาตรการ Social Distancing มาใช้ในเมืองเมื่อเกิดการระบาด หรือพบผู้ติดเชื้อ และนำมาตรการมาใช้อย่างทันท่วงที
มาตรการ Social Distancing ที่ใช้ในเวลานั้น คือ ปิดโรงเรียน
โรงภาพยนตร์ และสถานที่ต่างๆที่มีการพบปะผู้คนจำนวนมาก งดจัดงานศพ ซึ่งมาตรการ Social
Distancing อย่างเข้มข้นที่ใช้ในเมืองเซนหลุยส์
ใช้ได้ผล เมื่อเทียบกับเมืองฟิลาเดลเฟีย ทำให้อัตราผู้เสียชีวิตจากเชื้อไข้หวัดใหญ่น้อยกว่าที่ฟิลาเดลเฟีย
มากแบบครึ่งต่อครึ่ง อย่างไรก็ตาม อัตราการเสียชีวิตในเมืองเซนต์หลุยส์เพิ่มขึ้นเมื่อมีการระบาดระลอกที่
2 แต่ยังคงน้อยกว่าเมืองอื่นๆ
จะเห็นได้ว่า ความสำเร็จในครั้งนั้นขึ้นกับการตัดสินใจบังคับใช้มาตรการควบคุมการระบาดได้อย่างทันท่วงที
จะเห็นได้ว่า
Social Distancing การเว้นระยะห่างทางสังคม มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
และใช้มาตรการนี้อย่างได้ผลมากว่า 100 ปีที่ผ่านมา เพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อและชะลอการแพร่ระบาดของโรค
ป้องกันไม่ให้มีจำนวนผู้ป่วยมีจำนวนมากจนกว่าระบบสาธารณสุขจะรับมือได้ ที่สำคัญ
ปัจจุบันจะได้ช่วยรอเวลาในการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งมีหลายบริษัท
และหลายประเทศกำลังพัฒนา รวมทั้งประเทศไทย ด้วย
แหล่งข้อมูล:
อ่านบทความแล้วเพิ่งจะรู้ว่า แนวทางการปฏิบัติ social distancing ได้เคยนำมาใช้เป็นเวลานานมากแล้วไม่ใช่สิ่งใหม่และใช้ได้ผลดีด้วย น่าสนใจมากคะ ขอบคุณคะจะติดตามบทความดีๆต่อไปคะ
ตอบลบขอบคุณค่ะ ที่สนใจในบทความนี้ จะนำเรื่องที่น่าสนใจและมีประโยชน์มาเสนอต่อไปค่ะ
ตอบลบ